เจ้าของรถบางท่านอาจไม่ทราบว่า จริงๆ แล้วรถยนต์ของท่านมีส่วนประกอบของท่อไอเสียที่ นอกจากจะมีไว้เพื่อกรองไอเสียให้มิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้เครื่องยนต์ของท่านเดินได้ดี และมีกำลังมากกว่าเดิมอีกด้วย
ส่วนประกอบนั้นก็คือ แคทตาไลติค หรือที่คนไทยเรียกสั้น ๆ ว่า แคท คือ ส่วนของท่อไอเสียที่มีไว้เพื่อกรองไอเสียของรถยนต์ เพื่อให้ควันดำหรือเขม่าลดลง และก๊าซพิษจากท่อไอเสียลดลง
ภายใน แคทตาไลติค จะประกอบไปด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา หรือเรียกว่า Catalyst เพื่อช่วยเร่งการเกิดปฏิกิริยา ที่เปลี่ยนจากสารเคมีที่อันตรายของไอเสีย นั่นคือ ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx), คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และ ไฮโดรคาร์บอน (HC) เป็นสารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ไนโตรเจน (N2), คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และ น้ำ (H2O) ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดเสียงของท่อไอเสียที่ออกจากเครื่องยนต์อีกด้วย
ในรถยนต์ที่ออกมา ภายหลังปี 2004 ส่วนมาก จะมีแคทตาไลติค และเซนเซอร์ออกซิเจน (O2 Sensor) เพื่อตรวจจับอัตราการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และส่งข้อมูลกลับไปยังกล่อง ECU เพื่อให้ปรับเปลี่ยนการจุดระเบิดให้มีการเผาไหม้แบบสมบูรณ์
ทั้งนี้ ถ้าหาก แคทตาไลติคอุดตันหรือมีการทะลวงให้ภายในกลวง จะทำให้รถยนต์มีโอกาสเกิดไฟเครื่องโชว์ (Engine Lights) ได้ และจะส่งผลกระทบต่อการจุดระเบิดของเครื่องยนต์โดยตรง โดยจะไม่ดีเหมือนในขณะที่ยังมีแคทตาไลติคสภาพดีอยู่
ไม่จริง เนื่องจากท่อไอเสียต้องมีแรงดันของไอเสีย (Pressure) ที่พอดีกับความต้องการของเครื่องยนต์ เพื่อทำให้สอดคล้องกับเกียร์ ขนาดของเครื่องยนต์ และลักษณะของเครื่องยนต์ที่ใช้งาน ทั้งนี้ การตัดแคทตาไลติคมักจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพรถยนต์ ทำให้รถยนต์สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น และอาจจะทำให้เสียงจากท่อไอเสียดังมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเกิดไฟเครื่องยนต์โชว์ (Engine Light) อีกด้วย ถ้ารถยนต์ของคุณมีเซนเซอร์ออกซิเจน (O2 sensor)
ถ้าหากแคทเดิมยังใหม่อยู่และไม่เสื่อมสภาพ แนะนำให้ใช้แคทเดิม และเพิ่มเติมในท่อส่วนอื่นๆ แต่ถ้าหากแคทเดิมเสื่อมสภาพหรือมีการตัดแคทไปแล้ว จะต้องดูเป็นกรณีไปว่า รถคันดังกล่าวจะต้องใส่แคทเพิ่มหรือไม่ อย่างไร